ช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 เป็นช่วงที่บริษัทเทคโนโลยีเติบโตกันอย่างถ้วนหน้า เนื่องจากผู้คนต้องอยู่แต่บ้าน ทำให้ต้องใช้แพลตฟอร์ม เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ
การเติบโตดังกล่าวทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าช่วง 2-3 ปีนั้นเป็นยุคทองของอาชีพสายเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้
แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เรื่องราวดี ๆ ก็กลับกลายเป็นฝันร้าย เพราะบริษัทต่าง ๆ พบว่า พวกเขารับสมัครพนักงานเข้ามามากเกินไป จนเกิดภาระในส่วนของต้นทุน และทำให้สัดส่วนกำไรลดน้อยตามลงไป
Universal Music Group เตรียมดึงเพลงนับล้านออกจาก TikTok
รถไฟใต้ดินปารีสเตรียมใช้ AI แปลภาษา นำทางนทท.ช่วงโอลิมปิก
อาจพบเครื่องบิน “อมีเลีย เอียร์ฮาร์ต” ที่หายปริศนาไปนานเกือบ 90 ปี
นั่นส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่บริษัทสายเทคโนโลยีพากัน “เลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก” โดยปี 2022 มีบริษัทถึง 1,064 แห่งที่ปลดพนักงาน รวมเกือบ 165,000 คน
ขณะที่ปี 2023 ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีพนักงานถึง 262,500 คนถูกเลย์ออฟจาก 1,189 บริษัท ซึ่งในปีที่แล้ว มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา (Meta) ได้ประกาศให้เป็น “ปีแห่งประสิทธิภาพ” ด้วยการเลิกจ้างพนักงานถึง 1 ใน 3 ส่วน แอมะซอน (Amazon), กูเกิล (Google) และไมโครซอฟต์ (Microsoft) ก็ลดพนักงานหลายหมื่นคนเช่นกัน
การเลย์ออฟพนักงานเรียกได้ว่าแทบจะเห็นผลทันตา เพราะบริษัทเหล่านั้นขาดทุนน้อยลงหรือได้กำไรมากขึ้น บ้างก็ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น บางแผนกทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น
นั่นทำให้เหล่าผู้บริหารเล็งเห็นแล้วว่า การปลดพนักงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัทได้จริง และเดือนแรกของปี 2024 อาจเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการเดินหน้าลดต้นทุนในหมู่บริษัทสายเทคโนโลยี
ข้อมูลจาก Layoffs.fyi ระบุว่า เดือนมกราคม 2024 มีบริษัทเทคโนโลยีปลดพนักงานไปแล้ว 107 แห่ง มีพนักงานได้รับผลกระทบ 29,475 คน
แต่การปรับลดดังกล่าวก็ยังน้อยกว่าเดือมกราคมของปี 2023 ซึ่งปลดไปถึง 90,000 คน
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น แอมะซอน กูเกิล และไมโครซอฟต์ ปลดพนักงานน้อยลงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยลดจำนวนโครงการหรือผลิตภัณฑ์ที่โฟกัสลง และโยกย้ายทรัพยากรไปยังผลิตภัณฑ์หลัก เช่น ปัญญาประดิษฐ์
ขณะที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น เฟล็กซ์พอร์ต (Flexport), โบลต์ (Bolt) และเบร็กซ์ (Brex) ได้ลดขนาดองค์กรลงเพื่อป้องกันการต้องยุติกิจการ
อย่างไรก็ดี จะสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ พวกเขากำลังมีแนวคิดในรูปแบบเดียวกัน นั่นคือ “Do more with less” (ทำมากขึ้นโดยใช้คนน้อยลง)คำพูดจาก เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด
นาบีล ไฮแอตต์ หุ้นส่วนทั่วไปของบริษัทร่วมทุน Spark Capital ซึ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง กล่าวว่า “เรากำลังเห็นการเลิกจ้างขั้นพื้นฐานใน 3 กลุ่ม … ผู้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่กำลังมองหาการเติบโตและผลกำไรที่มากขึ้น บริษัทขนาดกลางที่จ้างคนมามากเกินในช่วงที่วงการเฟื่องฟู และบริษัทสตาร์ทอัปเล็ก ๆ ที่กำลังหาทางเพื่อความอยู่รอด”
เมื่อไม่กี่ปีก่อน การลดจำนวนพนักงานอาจเป็นเรื่องเลวร้ายในธุรกิจเทคโนโลยี ที่สถานะหรือความสำเร็จของบริษัทถูกกำหนดโดยจำนวนพนักงาน และบริษัทต่าง ๆ สามารถตอบโต้ความพยายามในการสรรหาบุคลากรของคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีมักมองว่าการดึงดูดนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์รุ่นต่อไปเป็นสงครามที่ต้องสู้กันเต็มรูปแบบ
แต่ตอนนี้มุมมองแบบเดิม ๆ เกี่ยวกับการเลิกจ้างได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากขึ้นยอมรับว่า พวกเขาว่าจ้างคนมากเกินไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอย่างที่บอกไปว่า พวกเขาเห็นแล้วว่า การมีคนน้อยก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้
สำหรับการปลดพนักงานที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2024 ที่ปลดมากที่สุดคือ SAP บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติเยอรมัน ซึ่งสั่งประกาศแผนปลดพนักงานหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งถึง 8,000 คน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร
รองลงมาคือ PayPal แพลตฟอร์มธุรกรรมชื่อดัง เพิ่งประกาศแผนปลดพนักงาน 2,500 คนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมานี้เอง โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการปรับลดขนาดองค์กร
ขณะที่ไมโครซอฟต์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการ มีแผนปลดพนักงาน 1,900 คน ส่วนใหญ่มาจากพาร์ตเกม คือฝั่ง Activision Blizzard และ Xbox เพื่อลดต้นทุน ส่วนอีกหนึ่งบริษัทด้านเกมอย่าง Unity ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเครื่องมือสำหรับการสร้างเกม ก็ปลดพนักงาน 1,800 เช่นกัน
และในอันดับ 5 คือ Wayfair ร้านค้าออนไลน์เกี่ยวกับบ้าน ปลดพนักงาน 1,650 คน โดยเน้นตัดตำแหน่งงานด้านการจัดการออกเป็นส่วนมาก
ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็เช่น แอมะซอนปลดพนักงานหลายร้อยตำแหน่งใน Prime Video, MGM Studios และ Twitch ส่วนกูเกิลปลดพนักงานประมาณ 1,000 คนจากหลายส่วน ทั้งยูทูบ (YouTube) และแผนกฮาร์ดแวร์ที่ผลิตโทรศัพท์พิกเซล (Pixel), นาฬิกา Fitbit และ Nest Thermostat
ด้านบริษัทสตาร์ทอัปขนาดกลางที่มีพนักงานหลายร้อยคนก็กำลังลดขนาดลงเช่นกัน บางเจ้ากำลังจะมีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้ต้องพิจารณาการเงินของตนอย่างจริงจัง
ยังมี ดิสคอร์ด (Discord) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กและแชตกลุ่มที่ได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์ ในเดือนนี้ก็ปรับลดพนักงานลง 17% หรือ 170 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 5 เท่านับตั้งแต่ปี 2020
เรียบเรียงจาก Layoffs.fyi / New York Times
ตรวจหวยงวดนี้ – ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ลอตเตอรี่ 1/2/67
โปรแกรมฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบ 8 ทีม พร้อมเวลาแข่งขัน
ผลบอลเอเชียน คัพ 2023 ญี่ปุ่น ควง อิหร่าน เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย